สุนัขตั้งท้องทานยาฆ่าไรขี้เรื้อนได้หรือไม่ ไอเว็ทมีคำตอบ

สุนัขตั้งท้องทานยาฆ่าไรขี้เรื้อนได้หรือไม่ ไอเว็ทมีคำตอบ

สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์  อายุ 2 ปี เจ้าของพามาที่ คลินิกผิวหนังและภูมิแพ้ จากปัญหาผิวหนังอักเสบ ขนร่วง เป็นสีดำ โดยเฉพาะบริเวณ ขาทั้ง 4 ข้าง ตัวมีกลิ่นเหม็น สุนัขเคยรักษาจากที่คลินิกอื่นมาแล้ว แต่อาการกลับมาเป็นๆหายๆ และปัจจุบันสุนัขได้ตั้งท้อง ใกล้คลอด เจ้าของจึงเป็นกังวลว่ากลัวลูกในท้องที่คลอดออกมาแล้วจะติดโรคผิวหนังจากแม่ด้วย

การตรวจร่างกาย

สุนัขมีอาการผิวหนังอักเสบ ขนร่วงที่บรเวณลำตัว และขาทั้ง 4 ข้าง ตัวมีกลิ่นเหม็น เวลาจับตามตัว จะมีเลือดและน้ำเหลืองออกมา

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ตรวจพบตัวไรขี้เรื้อนเปียก และตรวจพบการติดเชื้อแทรกของแบคทีเรียที่ผิวหนัง

การรักษา

สัตวแพทย์ให้ยาต้านแบคทีเรียผิวหนังแบบฉีด 1 ครั้ง ต่อ 2 สัปดาห์ และให้ยารักษาโรคขี้เรื้อนเปียก แบบเม็ดป้อน 1 เม็ดต่อ 3 เดือน เพื่อฆ่าตัวไรขี้เรื้อนที่ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยาที่รักษาขี้เรื้อนตัวนี้ เคยได้มีการศึกษาทางคลินิกแล้วว่า สามารถป้อนในสุนัขแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง และให้นมลูกได้โดยไม่มีความผิดปกติของแม่และลูกในทางคลินิก

ผลการรักษา

สุนัขอาการดีขึ้น ผิวหนังอักเสบยุบลง อาการคันลดลง ขนเริ่มขึ้นกลับมาที่บริเวณหลัง และแนะนำให้มาติดตามการตรวจรักษากับสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง อย่างต่อเนื่อง

แผนการวินิจฉัยและรักษาต่อเนื่อง

โรคไรขี้เรื้อนที่ผิวหนังเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรมและความผิดปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกายของสุนัข สุนัขควรได้รับการตรวจสุขภาพโดยละเอียดกับสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ หากตรวจพบให้ทำการรักษาเพื่อให้การรักษาขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ควรใช้สัตว์ป่วยเป็นพ่อแม่พันธุ์ เนื่องจากเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เจ้าของสัตว์ป่วยไม่ควรซื้อยามาป้อนสัตว์ป่วยเอง อาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง และแนะนำให้มาติดตามการตรวจรักษากับสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง อย่างต่อเนื่อง การติดต่อโรคขี้เรื้อนจขุมขนโดยปกติแล้ว โรคนี้ไม่ได้มีการติดต่อโดยการสัมผัส ยกเว้นกรณีเดียวคือ กรณีที่ลูกสุนัขดูดนมจากแม่ที่กำลังเป็นโรคขี้เรื้อนนี้อยู่ ดังนั้น การรักษาด้วยยาฆ่าไรขี้เรื้อนชนิดกินตัวใหม่นี้ ได้ทดลองเรื่องความปลอดภัยในแม่สุนัขที่ตั้งท้องและกำลังให้นมลูก จึงสามารถป้อนแก่แม่สุนัขที่กำลังป่วยอยู่ได้ และเพื่อลดความเสี่ยงการติดต่อสู่ลูกขณะที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมจากแม่

เรื่องและภาพโดย

น.สพ. จักรพันธุ์ วรรณวงศ์

สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษา

สัตวแพทย์คลินิคผิวหนังประจำโรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท