5600 จำนวนผู้เข้าชม |
ประวัติ
สุนัขพันธุ์ผสม อายุ 1 ปี จากเวียงจันทน์ ลาว เจ้าของพามาที่ คลินิกผิวหนังและภูมิแพ้ จากปัญหาผิวหนังอักเสบแดง ขนร่วงทั้งตัว มีสะเก็ดรังแค และกลิ่นเหม็น ก่อนหน้านี้สุนัขได้รับการรักษาโรคผิวหนังด้วยยากำจัดพยาธิภายนอกและภายในร่างกายชนิดน้ำแบบป้อนกินทุกวันติดต่อกันมาหลายเดือน แต่อาการยังไม่ดีขึ้นที่ จนกระทั่งเริ่มมีอาการแพ้ยาอาเจียนและเริ่มมีอาการเดินเซ ร่วมกับอาการทางระบบประสาทอย่างอื่น
การตรวจร่างกาย
สุนัขมีอาการผิวหนังอักเสบแดง ขนร่วง ผิวหนังเป็นสะเก็ดคัน มีกลิ่นเหม็น กระจายทั่วลำตัว
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจพบตัวไรขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์ และตรวจพบการติดเชื้อแทรกของแบคทีเรียที่ผิวหนัง
การรักษา
สัตวแพทย์ประจำคลินิกผิวหนัง หยุดการรักษาด้วยยาตัวเดิมก่อนหน้านี้ รักษาพยุงอาการผลข้างเคียงของยา จนกระทั่งอาการหายไป จากนั้นสัตวแพทย์จึงเริ่มให้ยาต้านแบคทีเรียผิวหนังแบบป้อนกิน ติดต่อกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ และให้ยารักษาโรคขี้เรื้อนเปียก (Demodicosis ดีโมเดคโคซิส) แบบเม็ดป้อน 1 เม็ดต่อ 3 เดือน เพื่อฆ่าตัวไรขี้เรื้อนที่ผิวหนัง ระยะเวลาการรักษา 3 เดือน
ผลการรักษา
สุนัขอาการดีขึ้น ผิวหนังอักเสบยุบลง อาการคันลดลง ขนเริ่มขึ้นกลับมา และแนะนำให้มาติดตามการตรวจรักษากับสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง อย่างต่อเนื่อง
แผนการวินิจฉัยและรักษาต่อเนื่อง
โรคไรขี้เรื้อนที่ผิวหนังเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรมและความผิดปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกายของสุนัข สุนัขควรได้รับการตรวจสุขภาพโดยละเอียดกับสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ หากตรวจพบให้ทำการรักษาเพื่อให้การรักษาขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ควรใช้สัตว์ป่วยเป็นพ่อแม่พันธุ์ เนื่องจากเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เจ้าของสัตว์ป่วยไม่ควรซื้อยามาป้อนสัตว์ป่วยเอง อาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง และแนะนำให้มาติดตามการตรวจรักษากับสัตวแพทย์คลินิกผิวหนัง อย่างต่อเนื่อง
เรื่องและภาพโดย
น.สพ. จักรพันธุ์ วรรณวงศ์
สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษา สัตวแพทย์คลินิคผิวหนังประจำโรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท