3218 จำนวนผู้เข้าชม |
รถเทสเป็นสุนัขพันธุ์ปอม เพศเมีย อายุ 1 ปี มาด้วยอาการเจ็บตาข้างขวา เจ้าของแจ้งว่าเริ่มมีอาการหลังจากพาไปนั่งรถเล่น โดยในขณะขับรถได้เปิดกระจกรถให้สุนัขรับลมจากกระจกด้านข้างมาตลอดทาง
จากการตรวจร่างกาย พบว่ารถเทสแสดงอาการเจ็บตาขวา และเมื่อทำการตรวจย้อมสีที่กระจกตาก็พบว่ารถเทส มีแผลที่กระจกตาขวาแบบตื้น ซึ่งน่าจะเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ไม่ว่าเป็นฝุ่น หรือลม จนทำให้สุนัขมีอาการระคายเคืองและเกาตา เกิดการบาดเจ็บที่ตาตามมา
เนื่องจากแผลที่กระจกตาขวาของรถเทสเป็นลักษณะแผลตื้นและมีขนาดเล็ก จึงทำการรักษาด้วยการใช้ยาหยอดตาเฉพาะที่ โดยมียาหยอดตา 2 ชนิด คือ ยาปฏิชีวนะเพื่อคุมการติดเชื้อที่บริเวณแผลของกระจกตา และยาอีกชนิดซึ่งช่วยทั้งขยายม่านตาและลดปวด และนัดดูอาการอาทิตย์ละครั้งก็พบว่าอาการของรถเทสมีการตอบสนองในทางที่ดี และในภายหลังมีการตรวจตาซ้ำอีกครั้งก็ไม่พบแผลที่กระจกตาขวาอีก
เกร็ดความรู้ (คุณหมอขอบอก)
เมื่อดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ เจ็บตานิดหน่อยก็ไม่ควรละเลย
ดวงตาใสใสที่เรามองเห็นนั้น แท้จริงแล้วประกอบไปด้วยโครงสร้างหลากหลายชั้น ส่วนหน้าสุดที่เป็นชั้นใสใส เรียกว่ากระจกตา (ไม่นับเปลือกตา) กระจกตานี้เองที่มักจะเป็นด่านหน้าแรก ๆ ที่จะเกิดการบาดเจ็บ เป็นแผล จากสิ่งแวดล้อมได้บ่อย กระจกตาใส ๆ เห็นอย่างนี้ประกอบไปด้วยชั้นเล็ก ๆ ถึง 5ชั้น มีความสำคัญทางคลินิกเพื่อบอกความรุนแรงเวลาเกิดแผลที่กระจกตา ในหลาย ๆ ราย แผลที่กระจกตาแม้เพียงเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้นาน ไม่ได้รับการรักษา มีการติดเชื้อแทรกซ้อนเข้าไป อาจเกิดเป็นแผลหลุมลึกขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะกระจกตาทะลุนำไปสู่ภาวะตาบอดได้ บาดแผลและการอักเสบที่เกิดขึ้นที่กระจกตากระตุ้นทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่ตาได้ โดยสังเกตได้จากสุนัขหรือแมวจะหรี่ตา หรือกระพริบตาบ่อย ๆ
ในรายที่มีแผลบริเวณกระจกตา มีทั้งอาการปานกลางจนถึงอาการขั้นรุนแรง เช่น เป็นแผลที่กระจกตาชั้นตื้น ชั้นลึก หรือบางรายถึงขั้นเป็นแผลทะลุชั้นกระจกตาก็มี ส่วนการรักษาก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของแผลและสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การหยอดตา และการผ่าตัด ดังนั้นหากพบความผิดปกติเกิดขึ้น ควรพาเค้ามาตรวจกับคุณหมอแต่เนิ่น ๆ ค่ะ